สารวัตรเกษตรสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 พร้อมเครือข่าย และสารวัตรเกษตรทั่วประเทศขับเคลื่อนโครงการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ คนละครึ่ง

รายละเอียด

S 213508099 0

เมื่อวันที่ 8-9 กรกฎาคม 2567 นายขจรวิทย์ พันธุ์ยางน้อย ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4   ได้มอบหมายให้ นายอิทธิพล บ้งพรม พร้อมทีมสารวัตรเกษตรเขตที่4 เข้าร่วมโครงการฝึกอบรม สารวัตรเกษตร  ที่มีคุณภาพ ณ กรมวิชาการเกษตร ซึ่งจัดโดยสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร โดยมี นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นประธาน โดยนายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า กรมจัดประชุมสารวัตรเกษตรทั่วประเทศวันที่ 8 - 9 กรกฎาคม 2567 เพื่อซักซ้อมแนวปฎิบัติ ในการตรวจสอบแหล่งผลิต  ผู้ขออนุญาตผลิตปุ๋ย ผู้นำเข้า ผู้ประกอบการร้านค้าปุ๋ยให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการลักลอบการผลิต การจำหน่ายปุ๋ยปลอม ปุ๋ยด้อยคุณภาพให้กับเกษตรกรในฤดูการผลิตทางการเกษตร และโครงการปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่งตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งจะเริ่มโครงการ 15 กรกฎาคม 2567 ทั้งนี้ได้ย้ำต่อสารวัตรเกษตรว่าหากพบผู้ใดกระทำผิด กรมจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด และให้แยกโรงงานผลิตเหมือนศูนย์รวบรวมผลผลิต เป็นโรงงานสีแดง เหลือง เขียว กรณีแดงและเหลืองจะเป็นเป้าหมายหลัก และสุ่มตรวจต่อเนื่อง ขณะที่สีเขียวก็ต้องตรวจเป็นระยะซึ่ง"ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้ให้นโยบายกำชับให้ตรวจสอบโครงการอย่างเข้มข้น เพื่อให้ปุ๋ยในตลาดและในโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง มีคุณภาพและถูกต้องตามกฎหมาย การประชุมซักซ้อมจึงเป็นการกระชับแนวปฏิบัติของสารวัตรเกษตรทั้งหมด ให้เป็นทิศทางเดียวกัน โดยตรวจสอบตั้งแต่โรงงานผลิต ศูนย์กระจายปุ๋ย ร้านจำหน่ายปุ๋ย สหกรณ์การเกษตรที่เข้าโครงการ จนถึงแปลงนาของเกษตรกร และความร่วมมือกับทีมพญานาคราชเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งขอย้ำว่ากรณีผลิตปุ๋ยปลอมมีโทษปรับสูงสุด 2 ล้านบาท จำคุกสูงสุด 15 ปี"สำหรับการตรวจคุณภาพปุ๋ยจะต้องส่งตรวจยังห้องปฎิบัติการที่กรมวิชาการเกษตรรับรอง หรือห้องปฎิบัติการที่ได้รับรอง ISO/IEC 17025 ที่มีศักยภาพในการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ปุ๋ย กรณีไม่ชัดเจนให้ส่งตรวจซ้ำที่ห้องปฎิบัติการของกรมวิชาการเกษตรทั้งนี้ในการปฏิบัติงานมีชุดเฉพาะกิจพญานาคราชที่ทำงานร่วมกันจะเริ่มตั้งแต่การหาข่าว รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง กรณีพบข้อมูลหลักฐานที่เชื่อถือได้จะขอออกหมายค้น หมายจับตามขั้นตอนกฎหมาย ร่วมกันเข้าดำเนินการยังจุดต้องสงสัยเช่น โรงงานผู้ผลิต หรือ สถานที่จำหน่าย หรือสหกรณ์ที่เข้าโครงการ ฟาร์มเกษตรกร พบผิดจะยึดอายัดตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้การจับกุม ตรวจค้นจะมีทั้งการถ่ายภาพนิ่ง การถ่ายคลิปเพื่อป้องกันการฟ้องกลับ เป็นต้น สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ ปุ๋ย พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ระบุว่ากรณีผลิตปุ๋ยเคมีปลอมต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 15 ปี ปรับตั้งแต่ 2 แสน ถึง 2 ล้านบาท กรณีผลิตผิดมาตรฐานตามสูตรที่กำหนด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 8 หมื่น ถึง 2 แสนบาท ปุ๋ยเสื่อมคุณภาพต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่น ถึง 8 หมื่นบาท ปุ๋ยเคมีต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ขึ้นทะเบียนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 4 หมื่น ถึง 2 แสนบาท กรณีปุ๋ยอินทรีย์ถ้าผลิตปลอมต้องระวางโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน ถึง 3 ปี 9 เดือน ปรับตั้งแต่ 5 หมื่นถึง 5 แสนบาท สำหรับการผลิตชีวภัณฑ์ปลอม ตามพรบ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 7 แสนบาท กรณีผลิตต่ำกว่าเกณฑ์ จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีเสื่อมคุณภาพจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ขึ้นทะเบียน ต้องระวางโทษสองในสามของโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

S 213508099 0

S 213508101 0

S 213508102 0

S 213508103 0

S 213508104 0

S 213508105 0

S 213508106 0

S 213508107 0

S 213508108 0

S 213508109 0

S 213508110 0

S 213508112 0

 

   
© 2014-2022 งานสารสนเทศ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 อุบลราชธานี สงวนลิขสิทธิ์.